ชนกว่าง
ปีนี้มีเวลาอยู่บ้านมากกว่าปีก่อน ๆ แอบนัดชวนเพื่อนในรุ่นราวคราวเดียวกันว่า “ปีนี้เฮาชนกว่างน้อ” กว่าจะรวมตัวกันได้ว่าจะเปิดมหรสพชนกว่างกัน แต่ด้วยสภาพอากาศธรรมชาติที่วิกฤติ ทั้งแล้ง ทั้งร้อน ตอนนี้แม้จะมีไอกลิ่นลมหนาวมาราวต้องสัมผัสแล้ว ประเพณีกินสลากกภัตรจะเริ่มสิ้นเดือนนี้ เป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าสิ้้นสุดฤดูชนกว่างแล้ว ทั้งที่ปีนี้ยังไม่มีวี่แววเห็นหน้าเจ้ากว่างเลย
ปล.หรืองานเขียน ชนกว่างมหรสพแห่งบ้านป่า คงเป็นเพียงเรื่องเล่าในอดีตไปแล้วนะ
เสียงเฮฮาสนุกสนานดังมาจากข้างบ้าน ทำให้ข้าพเจ้าตื่นฟื้นสดชื่นจากความอ่อนเพลีย หลายอาทิตย์กว่าจะได้กลับบ้านอยู่กับพ่อแม่อีกครั้ง ด้วยภาระหน้าที่การงานทำให้ต้องออกจากบ้าน เสียงอันคุ้นเคยแต่ยังนึกไม่ออกว่าเป็นเสียงอะไร จึงถามแม่ขึ้นว่า
พอได้ยินแบบนั้น หัวใจข้าพเจ้าสูบฉีดพองโต อ้าวนี่มันเดือนสิงหาคมแล้วนี่ ลำไยสุกเต็มที่ เม็ดฝนก็กระหน่ำตกโปรยปรายจากฟากฟ้าแทบไม่ขาดสาย ชโลมผิวดินให้ชุ่มชื้น ปลุกผืนดิน ผืนป่า ให้กลับตื่นจากการหลับใหลในหน้าแล้ง กิ่งไม้แห้งแตกยอดเขียวขจี ลำห้วยแห้งผากกลับมามีน้ำไหลผ่านหินผา ผักพืชน้ำนานาพันธุ์เบ่งบานสะพรั่ง พร้อมกับสัตว์น้อยใหญ่ ปู ปลา กุ้ง หอย ที่ถูกเทวดาเก็บซ่อนหายไปจากบ้านป่าในฤดูแล้ง เหมือนถูกปลดปล่อยออกมาอีกครั้ง รวมทั้งด้วงกว่างด้วย ทำให้ข้าพเจ้าลุกจากที่นอนไปตามหาต้นเสียง
กว่าง แมลงด้วงปีกแข็งออกมาให้ยลโฉมช่วงหน้าฝน ประมาณเดือนสิงหาคม เพื่อออกมาจับคู่ผสมพันธุ์ตามฤดูกาล หนุ่มน้อยใหญ่ เด็กชาย ถึงฤดูกาลแห่งความสุขอีกครั้ง ในวิถีการชนกว่าง ปีหนึ่งมีให้เล่นแค่สองถึงสามเดือนเท่านั้น ประมาณเดือนสิงหาคมถึงเดือนตุลาคม เมื่อออกพรรษาก็หยุดเล่นเพราะกว่างหมดอายุไข
ใต้แสงไฟหลอดนีออนเบื้องหน้ากลุ่มคนนับยี่สิบ ล้อมรอบมุงดูการแข่งขันประชันชนกว่าง โดยการนำกว่างตัวผู้ขนาดตัวเท่าๆ กัน นำกว่าอี่หลุ้มหรือกว่างตัวเมียเป็นตัวล่อ เมื่อกว่างตัวผู้ได้กลิ่นตัวเมียก็เกิดความต้องการและหึงหวงตัวเมีย เมื่อเจอคู่ต่อสู้ต่างฝ่ายต่างชนหนีบกัน จนอีกฝ่ายหนึ่งพ่ายแพ้แต่ไม่ถึงตาย
กว่างตัวเมียใช้สำหรับล่อตัวผู้โดยการนำไปช่อนไว้ในกอนกว่างหรือสังเวียนกว่าง กอนกว่างทำจากไม้ปอหรือไม้เนื้ออ่อน นำมาตากแห้งเจาะทำรูใส่กว่างตัวเมียให้โผล่เฉพาะหลัง โดยมีไม้หลิ้ง หรือไม้บังคับกว่างให้ชนกัน กฎกติกาตามแต่ตกลง เวลากว่างสวมเขาหนีบคีบกันหรือเรียกว่าคาม ส่วนใหญ่จะนับการต่อสู้กว่างกันเป็นคาม เช่น หกคาม แปดคาม หรือสิบสองคาม คามแทนยกการต่อสู้ บางทีเจ้าของกว่างตกลงชนจนแพ้ชนะเลยก็มี
ตอนข้าพเจ้าเป็นเด็กมันช่างเป็นช่วงฤดูการแห่งความสุข สร้างความสนุกสนานให้เด็กบ้านป่าอย่างข้าพเจ้า หลังเลิกเรียนตอนเย็นทำการบ้าน รับประทานอาหารเย็นเสร็จแบบเร่งรีบ ตอนหัวค่ำได้เวลาไปตามการนัดหมาย ของเพื่อนชักชวนไปประลองกว่าง เวียนกันบ้านต่อบ้าน ส่งเสียงดังเฮฮา แต่ไม่มีใครว่าเพราะนานๆ ทีปีหนึ่งมีครั้งเดียว ช่วงเวลาดังกล่าวพวกเราไม่เป็นอันเรียน คุณครูต้องคอยตรวจตรารอยกว่างบนมือ เพราะเท้ากว่างมีความแหลมคมบาดมือเป็นรอย หากใครมีรอยกว่างบนมือจะถูกคุณครูลงโทษ เช่น แปลงลบกระดานเคาะบนปลายนิ้วมือ แต่ก็ไม่เคยเข็ดหลาบ
สังเวียนการชนกว่างในอดีต บางครั้งก็มีพนันขันต่อกันบ้าง แล้วแต่ข้อตกลงหากเป็นเด็กก็จะมีการเดิมพันเป็นกว่าง เป็นอ้อย หรือเพื่อความสะใจบ้าง ส่วนผู้ใหญ่มักจะเดิมพันด้วยเงินจนช่วงหลังเปิดเป็นบ่อนมีราคาเดิมพันหลายหมื่นบาท ส่งผลให้การชนกว่างถูกจับตาและเข้มงวดขึ้น บางครั้งกลายเป็นเรื่องผิดกฎหมาย
เมื่อข้าพเจ้าหาตัวกว่างได้ ก็จะนำมาชนกับเพื่อนๆ ใครชนะก็ได้ทีโอ้อวด หากตัวไหนแพ้ก็เข้าป่าหามาใหม่ชนเพื่อแก้มือ กว่างตัวหนึ่งเมื่อชนแล้วต้องพักเลี้ยงไว้สองสามวันพอให้กว่างมีแรงถึงจะนำชนอีกครั้ง กว่างมีชื่อเรียกตามลักษณะต่างกัน กว่างตัวใหญ่เขายาวสวยงามตามลักษณะตำราเรียกว่ากว่างโซ้ง สุดยอดกว่างสำหรับไว้ชน ความใฝ่ฝันของใครหลายๆ คน ส่วนกว่างตัวใหญ่เขาสั้นเรียกว่า กิดง กว่างกิดงมีความอึดความทนแต่เสียเปรียบเรื่องรูปเขา กว่างตัวเล็กแต่เขายาว เรียกว่า กว่างแซม ส่วนใหญ่ไม่ค่อยทนไม่ค่อยสู้ กว่างแซมต้องคัดหลายๆ ตัวกว่าจะได้ตัวเก่ง ส่วนกว่างตัวเล็กเขาเล็กเรียกว่า กว่างกิ ไม่นิยมนำมาชน ส่วนมากนำมาคั่วมาทอดเป็นกับข้าว ส่วนตัวเมียเรียกว่าอี่หลุ้ม ใช้สำหรับล่อตัวผู้และมีรสชาติอร่อยกว่ากว่างตัวผู้ กว่างแต่ละประเภทมีชื่อเรียกตามลักษณะรูปร่างอีก เช่นเขาชี้ เขาบิด ฮักน้ำปูหรือบางครั้งเรียกว่าฮักขี้วอก กว่างฮักมีสีดำทั้งตัว คล้ายน้ำปูเลยเรียกตามชื่อ บางตัวเก่งก็เก่งจริง บางตัวดูสวยงามแต่ไม่ทน ต้องชนต้องทดสอบหรือภาษาท้องถิ่นเรียกว่า “จามกว่าง” เหมือนกับนำมาซ้อมหรือทดสอบกำลังและน้ำทนของกว่าง
มีครั้งหนึ่ง โดยพวกเราทั้งห้าคนได้ไปหากว่าง โชคดีได้เห็ดโคนหลวง บานเต็มจอมปลวก บ้างใช้มือดึง บ้างเอามีดขุดก้านที่ฝังในดินออกมา พวกเราได้เห็ดเกือบคนละตะกร้าใหญ่ ได้ทั้งอาหารและให้แม่ขาย ทำให้เด็กอย่างพวกเราดีใจเป็นอย่างมาก ของแถมจากการหากว่าง นอกจากหน่อไผ่ซางแล้ว กว่างยังชอบกินน้ำเลี้ยงของเปลือกต้นคาม เปลือกต้มมะค่า และเครือเถาฝักพร้าเลื้อยขึ้นอยู่ตามฝั่งห้วย ถ้าหากวันไหนไปหากว่างทางป่าแพะ ที่มีต้นแงะ ต้นเปา ต้นตึง ต้นก่อหนาม เราก็จะได้เห็ดดิน แต่ยังกล้าๆ กลัวๆ เพราะไม่ค่อยรู้จักเห็ดมากนัก ส่วนใหญ่พวกเราจะเอาหน่อไผ่ไร่รสชาติดีและหาง่ายกว่าหน่อชนิดอื่น คนละสิบกว่าหางพอแบกใส่รถจักรยานกลับบ้าน
ข้าพเจ้านิ่งเหม่อลอยคิดทบทวนหวนเหตุการณ์ต่าง ๆ นา ๆ แต่ต้องสะดุ้งคืนสติอีกครั้ง จากเสียงเฮดังลั่น กว่างของยนต์ชนะ เสียงเฮฮาโอ้อวด ฉากเหตุการณ์สำคัญถูกยกขึ้นมา กว่างคู่ต่อไปรอลงกอน ในช่วงระหว่างการเปรียบกว่างหาคู่ชน ข้าพเจ้าได้มีโอกาสพูดคุยซักถาม เดินเลาะดูกว่างที่แขวนเรียงไว้รอหลายสิบตัว เลือกหาดูกว่างงามตัวแล้วตัวเล่า แต่กว่างที่เจอกลับไม่มีกว่างโซ้งแม้แต่ตัวเดียว
การพูดคุยส่วนใหญ่จะบ่นพึมพำเป็นเสียงเดียวกันว่ากว่างหายากขึ้น เรื่องในอดีตทำให้ทุกคนต่างทบทวนนึกย้อนขึ้นมาอีกครั้ง กว่างเริ่มหายไปจากชุมชน จากสภาพความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติลดลง ป่ากลายเป็นแปลงไร่ข้าวโพด ไร่ยางพารา ไร่มันสำปะหลัง สวนลำไย ลิ้นจี่ นาข้าว พร้อมกับ ปุ๋ย ยา สารเคมีจากการเกษตรอย่างเข้มข้น ทำลายแหล่งที่อยู่อาศัยและตัวอ่อนของด้วงกว่าง
กลุ่มคนส่วนใหญ่อยู่ในช่วงวัยสามสิบขึ้น ไม่มีเด็กรุ่นใหม่ ไม่นิยมเล่นกว่าง อาจเล่นไม่เป็นเพราะไหนจะต้องเลี้ยง คัดเลือกกว่าง ทำให้ภูมิปัญญาการละเล่นท้องถิ่นที่สืบทอดกันมาได้ขาดช่วงลง
การชนกว่างยังได้สร้างความสัมพันธ์พบปะแลกเปลี่ยนในยามว่าง สร้างการยอมรับกฎกติการู้จักแพ้ ชนะ อภัย มิตรภาพรอยยิ้ม โลกปัจจุบันมีของให้เล่นมากมาย ทั้งโทรศัพท์ อินเตอร์เน็ต ทีวี หนัง วีดีโอ เกม เพลงฯลฯ ทำให้เด็กๆ ห่างไกลธรรมชาติ
ขอบคุณที่มา : เรื่อง/ภาพถ่าย : ไกร น้ำของ